คุณภาพเสียง
บทสัมภาษณ์พิเศษ
Close
ตอนที่ 01

เหล่าวิศวกรเสียงเปิดใจถึงเรื่องราวความรักในเสียงดนตรีและประสบการณ์การฟังดนตรี

Q: ทำไมเราไม่เริ่มต้นแนะนำตัวและเล่าเรื่องราวคุณกับดนตรีให้เราฟังกันหน่อย

โยชินาริ:

ผมหลงใหลในเสียงดนตรีมาตั้งแต่เด็กๆและเริ่มเล่นกีต้าร์ตอนป.6 ความรักในเสียงดนตรีของผมเริ่มต้นมาจากตรงนั้น ต่อจากนั้นผมก็ได้มีส่วนในการออกแบบระบบเสียงให้กับ Pioneer

วิศวกรเสียง บริษัท Pioneer

ซาโตรุ โยชินาริ

ซาโตรุ โยชินาริ เคยมีประสบการณ์ในการเป็นมือกีต้าร์และนักร้องของวงตัวเอง อีกทั้งยังเขียนเนื้อร้อง แต่งเพลง มิกซ์มาสเตอร์ริ่ง และผลิตผลงาน CD ขึ้นเอง เขามีส่วนร่วมในการออกแบบเสียงของ AV Receiver ตัวใหม่อีกด้วย

ทสึชิมะ:

ผมเคยบริหารค่ายเพลงOrigami Production ผมรักในเสียงดนตรีตั้งแต่เด็กและถึงแม้ผมจะเลิกเล่นดนตรีไปแล้วแต่ผมก็ยังหลงใหลในการสร้างเสียงดนตรีผมเคยทำงานที่บริษัทเพลงค่ายใหญ่ประมาณ 8 ปีและในช่วงเวลานั้นมีศิลปินคนหนึ่งที่ผมอยากจะสร้างขึ้นมาด้วยตัวของผมเองผมจึงได้ลาออกจากบริษัทแห่งนั้นเมื่อ11 ปีที่แล้วและเปิดค่ายเพลงของตัวเองจวบจนทุกวันนี้

CEO/A&R
OrigamiProductions

โยะชิอะกิ สึชิมะ

โยชิอากิทสึชิมะหลังจากที่ได้ทำงานกับบริษัทโฆษณาแห่งหนึ่งโยชิอากิทสึชิมะเคยร่วมงานกับบริษัทVictor Entertainment ในปี 1998 ต่อมาในปี 2006 ก็ได้ร่วมงานกับOrigami Productions ซึ่งเขามีหน้าที่รับผิดชอบในส่วนของอนิเมชั่นBGM ของโปรเจคนี้

Q: คุณรู้ตัวตั้งแต่เมื่อไรว่าคุณอยากทำงานด้านดนตรี

ทสึชิมะ:

สมัยประถมผมเป็นแฟนคลับตัวยงของรายการ "Best Hits USA" พี่สาวผมอัดรายการนี้ทุกสัปดาห์และก็ดูซ้ำแล้วซ้ำซึ่งผมอยากดูการ์ตูนมากกว่าแต่พี่สาวแรงเยอะกว่าผมมากผมเลยต้องดูกับพี่และก็เริ่มสนุกกับรายการนี้ขึ้นมาทีละนิด

Q: ในตอนนั้นคุณคงยังไม่เข้าใจความหมายของเพลงภาษาอังกฤษเหล่านั้น

ทสึชิมะ:

มิวสิควิดีโอในยุค 80 เป็นอะไรที่เจ๋งมากอย่างเช่นของMichael Jackson, Huey Lewis & The News และศิลปินชาวตะวันตกอีกหลายๆคนและพิธีกรรายการก็เก่งมากเช่นกัน ผมได้ดูมากขึ้นในแต่ละสัปดาห์กว่าผมจะรู้ตัวอีกทีผมก็ได้เป็นคนบันทึกเสียงแล้ว! ผมเป็นเด็กตัวน้อยๆในชุดนักเรียนประถมที่ฟังเพลงของVan Halen (หัวเราะ) ทุกครั้งที่ได้ไปทัศนศึกษาเพื่อนของผมจะบอกผมว่าให้เอาเทปของศิลปินที่อยากฟังเอาไปเปิดบนรถระหว่างเดินทางซึ่งผมก็มักจะเอาเพลงสากลไปเปิดฟังเสมอๆ

โยชินาริ:

ผมเข้าใจคุณดี (หัวเราะ)

ทสึชิมะ:

ตอนแรกทุกคนก็อึ้งจนอ้าปากค้างแล้วก็มีคนพูดขึ้นมาว่า "นั่นอะไรน่ะ" และผมก็บอกไปว่า "มันเจ๋งใช่ไหมละ" และรู้สึกมีความสุขมากที่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่นั่นคือจุดเริ่มต้นหลังจากนั้นผมก็เริ่มไปดูคอนเสิร์ตและสัมผัสกับประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นในการฟังดนตรีสดการแสดงดนตรีสดเป็นสิ่งที่ดีแต่ผมเชื่อว่ามันมีบางสิ่งที่คุณไม่สามารถสัมผัสได้จากการเล่นสดซึ่งคุณจะสัมผัสได้จากการบันทึกเสียงเท่านั้นผมยังรู้สึกขนลุกทุกครั้งจากการฟังเพลงของศิลปินผ่านแผ่นเสียงหรือCD

โยชินาริ:

พ่อผมมีอิทธิพลต่อผมมากที่สุดคนหนึ่ง พ่อจะยืมคอลเลกชั่นแผ่นเสียงเหล่านี้ค่อนข้างบ่อยเกือบจะเหมือนเครื่องจักรแล้วจากนั้นพ่อก็จะบันทึกเสียงเพลงเหล่านั้นลงในตลับเทป เพื่อเอาไปฟังในยามว่าง นั่นเลยทำให้ดนตรีเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันในวัยเด็กของผมเลยล่ะ

Q: ถ้าอย่างนั้นสาเหตุที่คุณรักในเสียงดนตรีส่วนหนึ่งก็มาจากครอบครัวของคุณด้วย

โยชินาริ:

ใช่ครับ นั่นคือจุดเริ่มต้น ผมคิดว่าความชื่นชอบเกิดขึ้นในช่วงประถมตอนที่ผมฟังเพลงป๊อบญี่ปุ่นวง 'Mr.Children' เพียงแค่ฟังทำนอง ผมก็สามารถบอกได้เลยว่าเพลงของพวกเขาเต็มไปด้วยความเศร้าหมองและเพลงแบบนั้นทำให้ผมเข้าถึงความรู้สึกจริงๆ สมัยมัธยมผมรู้จักวง Green Day และเมื่อผมได้ฟังอัลบั้มชื่อ Dookieผมประทับใจมาก ประสบการณ์เหล่านี้ยิ่งทำให้ผมสนใจมากยิ่งขึ้นและผลักดันให้ผมก้าวเดินมาอีกขั้นจนมาถึงวันนี้

Q: ศิลปินคนไหนหรือเพลงไหนที่มีอิทธิพลต่อคุณมากที่สุด

โยชินาริ:

เพลงแรกที่ฟังแล้วทำให้ร้องไห้ได้เ เป็นเพลงจากวง Mr.Children พวกเขาประสบความสำเร็จอย่างมากด้วยการผสมผสานเนื้อร้องที่กินใจและท่วงทำนองที่หลอกหลอน เวลาผมฟังเพลงของพวกเขา ผมคิดว่า 'นี่แหละคือการสื่อถึงอารมณ์อย่างแท้จริง' ดนตรีจึงเปลี่ยนชีวิตผม

Q: คุณทั้งสองคนเหมือนกันตรงที่ว่าคุณช่วยให้คนฟังสนุกกับการฟังดนตรีมากขึ้น คุณคิดว่าคำว่า สนุกกับดนตรี หมายความว่าอย่างไร

โยชินาริ:

ประมาณว่าเวลาคุณฟังแล้วร่างกายคุณเริ่มขยับหรือคุณจะเริ่มร้องเพลงตามทันที เวลาคุณเศร้า มันจะทำให้คุณจะยิ่งเศร้าขึ้นไปอีก ดนตรีจะทำให้คุณเข้าถึงอารมณ์มากขึ้นและจะกระทบในทุกส่วนประสาทของคุณแบบเต็มๆ นอกจากนี้ ยังเป็นวิธีที่ดีในการสร้างมิตรภาพกับคนแปลกหน้า

ทสึชิมะ:

ถูกต้องครับ เวลาคุณเจอใครสักคนที่ฟังเพลงแนวเดียวกับคุณ คุณจะรู้สึกว่าอยากจะเข้าไปทักทายหรือเข้าไปกอดทันทีที่นั่นเลย ดนตรีนั้นก้าวผ่านมาแล้วหลายยุคสมัยและคุณสามารถเข้ากับคนจากหลายๆประเทศที่พูดต่างภาษาได้ ความคิดที่ว่าคุณสามารถฟังเพลงที่เกิดก่อนคุณได้นั้นเป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก นั่นก็คือพลังที่แท้จริงของแผ่นเสียงและ CDs ซึ่งตั้งอยู่ตรงนั้น และนั่นคือสิ่งที่พวกเรากำลังทำขายอยู่ เรากำลังทำให้เพลงสามารถฟังได้ทุกยุคทุกสมัย เวลาเราทำเพลง เราจะถามตัวเองว่าคนในศตวรรษหน้านับจากนี้อยากจะฟังเพลงของเราหรือไม่ นั่นคือสิ่งสำคัญสำหรับเรา

Q: อะไรที่ทำให้คุณหันมาเปลี่ยนบทบาทจากคนฟังมาเป็นคนทำเพลงให้คนอื่นฟัง

โยชินาริ:

จริงๆแล้วมันยากที่จะสื่อถึงในบางสิ่งที่มีคุณค่าแล้วอธิบายออกมาเป็นคำพูด แต่สำหรับดนตรีแล้วมันออกมาโดยธรรมชาติ เวลาคุณอยากจะสื่อถึงบางสิ่งที่เกี่ยวข้องขอบเขตทางการเมืองหรืออุปสรรคทางภาษา ผมว่าสิ่งที่ง่ายที่สุดที่ทำได้ คือ สื่อด้วยเสียงเพลง

ทสึชิมะ:

ตอนผมเด็กๆ เวลามีใครฟังเพลงที่เราชอบแล้วเขาก็ชอบเหมือนเรา ผมจะรู้สึกดีมาก เพลงนั้นจะตราตรึงอยู่ในใจของพวกเขาเหมือนกับเมล็ดพันธุ์ที่จะเติบโตในจิตใจของเขาและสร้างเรื่องราวของตัวเองขึ้นมาซึ่งจะแตกต่างกันออกไปกับคนคนนั้น

Q: แสดงว่าเพลงเป็นมากกว่าแค่การถ่ายทอดผ่านข้อความ

ทสึชิมะ:

เพลงกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของคนเรา ตอนแรกจะเป็นเพลงของ 'ฉัน' ก่อน พอหลังจากนั้นจะกลายเป็นเพลงของพวกเขา เพลงเป็นรากฐานในชีวิตคุณและบางครั้งเวลาที่คุณฟัง คุณจะคิดถึงช่วงเวลาเก่าๆที่ผ่านมา นั่นเป็นพลังที่สำคัญของเพลงและเป็นเหตุผลที่ผมอยากให้หลายๆคนหันมาฟังเพลงให้มากขึ้นเท่าที่จะฟังได้

ติดตามต่อในตอนที่2